สีย้อมไม้ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะคงสภาพความสด ใหม่ ของวัสดุประเภทไม้ให้อยู่คู่กับบ้านเรา วันนี้ able เลยขอตีแผ่คุณสมบัติ ทั้งข้อดี และข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้สีย้อมไม้แต่ละประเภทกัน
สีย้อมไม้ Rothenburg Wood Stain (สูตรน้ำ)
ผลิต จากอะคริลิคแท้ 100% ฟิล์มสีจึงมีความคงทน ไม่ซีดจาง พอง แตก หรือ ลอก เม็ดสีมีคุณสมบัติโปร่งแสงจึงช่วยคงลายไม้ตามธรรมชาติดังเดิม และยังช่วยเพิ่มและปรับสีของไม้ให้สวยงาม สามารถนำไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมสารเพิ่ม ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นฉุน และยังปลอดภัยต่อสุขภาพเพราะปราศจากสาร VOCs (Volatile Organic Compounds) อีกทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากยุโรป EN71 ว่าปลอดภัยต่อการใช้กับของเล่นและเครื่องใช้สำหรับเด็ก มีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดเงา และด้าน
สีย้อมไม้ TOA Wood Stain (สูตรน้ำ)
ช่วย รักษาเนื้อไม้ ใช้สำหรับงานภายในและภายนอก แต่ไม่เหมาะกับงานพื้น เมื่อทาสีทับยังสามารถมองเห็นลายไม้ได้เพราะมีส่วนผสมของผงสีชนิดโปร่งแสง ฟิล์มสีมีความยืดหยุ่นพิเศษ ช่วยป้องกันการแตกล่อนจากการบิดตัวของไม้ ความปลอดภัยคุณภาพมาตรฐานระดับยุโรป EN71 ปราศจากสารปรอท สารตะกั่ว และโลหะหนัก 8 ชนิด ระยะเวลาของการแห้ง (แห้งผิว) 3-4 ชั่วโมง แห้งทาทับได้ 4-6 ชั่วโมง มี 2 ชนิด คือ ชนิดเงา และชนิดกึ่งเงา
สีย้อมไม้ Beger AquaStain (นาโนอะคริลิก สูตรน้ำ)
ผลิตด้วยนวัตกรรมล่าสุด "อะคริลิก นาโนเทคโนโลยีสูตรน้ำ" จากเยอรมนี ให้ฟิล์มสีโปร่งใส จึงช่วยคงสีไม้ที่เหมือนจริงตามธรรมชาติ
ไม่เปลี่ยนสีของไม้ ช่วยรักษาเนื้อไม้ อีกทั้งการใช้งานง่ายเพราะไม่ต้องผสมทินเนอร์ ผสมเพียงน้ำก็สามารถนำไปใช้งานได้ ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นฉุน จากสารระเหย ปลอดภัยต่อสึขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แห้งเร็วใน 1-2 ชั่วโมง และแห้งทาทับได้ 8-12 ชั่วโมง มีให้เลือก 3 ชนิด คือ ชนิดเงา กึ่งเงา และชนิดด้าน
สีย้อมไม้ Woodtect Wood Stain (สูตรน้ำมัน)
เป็นสีย้อมและรักษาเนื้อไม้ ซึ่งเป็นสีชนิด Alkyd Resin สำหรับทาไม้โดยเฉพาะ เม็ดสีโปร่งแสงพิเศษ UV Block เทคโนโลยีล่าสุดจากอเมริกา จึงช่วยคงลายไม้จากธรรมชาติอย่างชัดเจน ทาง่ายได้พื้นที่มากโดยไม่ต้องทารองพื้นก่อน กลิ่นบางเบา ปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนผสมของสารปรอทและตะกั่ว ระยะเวลาในการทาทับ 6-8 ชั่วโมง มีให้เลือกอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดเงา และชนิดกึ่งเงา
ข้อแตกต่างระหว่างสูตรน้ำและสูตรน้ำมัน
สูตรน้ำ
ข้อดีคือ สามารถ นำไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมสารเพิ่ม หรืออาจจะผสมเพิ่มเพียงแค่น้ำเปล่าในบางยี่ห้อ ส่วนเนื้อฟิล์มทนทานกว่าสูตรน้ำมันทั่วไป 3 เท่า แถมยังแห้งเร็วไม่มีกลิ่นฉุน
ข้อเสียคือ เหมาะ สำหรับใช้ทาภายในมากกว่าภายนอก เนื่องจากอายุการใช้งานจะสั้นกว่า เพราะความคงทนต่อน้ำฝนและแสงแดดน้อยกว่าชนิดสูตรน้ำมันและต้องทาทับ 3-4 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นสี
สูตรน้ำมัน
ข้อดีคือ สามารถใช้ทาได้ทั้งภายในและภายนอก เนื่องจากทนแดด ทนฝน ได้ดีกว่าสูตรน้ำ เนื้อสีซึมลึกเข้าสู่เนื้อไม้ได้ดีกว่าแบบสูตรน้ำและสีจะไม่ค่อยเพี้ยนไปจาก เฉดสีต้นแบบที่เลือกไว้มากนัก โดยทาสีเพียง 2 ครั้งก็เห็นสีแล้ว
ข้อเสียคือ ต้องใช้น้ำมันทินเนอร์ผสมเฉพาะของยี่ห้อนั้นๆ เพื่อเจือจาง (ปริมาณของทินเนอร์ที่นำไปผสมอยู่ที่ประมาณ 10% ของปริมาณสีที่ใช้) และมีกลิ่นฉุนและแห้งช้ากว่าสูตรน้ำ
การเลือกซื้อสีย้อมไม้ ผู้ซื้อควรตอบโจทย์ของตัวเองให้ได้ดังนี้
จะนำสีไปใช้ทาภายในหรือภายนอก เพราะความคงทนต่อสภาพแวดล้อมของแต่ละสูตรอาจแตกต่างกัน
ลักษณะเนื้อไม้เป็นอย่างไร เนื่อง จากเนื้อไม้แต่ละชนิดอาจทำให้ได้ผลของสีหลังทาที่เพี้ยนมาก-น้อยต่างกัน ควรปรึกษากับพนักงานขายในการเลือกเฉดสี เพื่อให้ได้สีที่ตรงตามความต้องการของเรามากที่สุด
ต้องการโชว์ลายไม้มาก-น้อยแค่ไหน สีย้อมไม้มีอยู่ถึง 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดก็จะสามารถโชว์ความชัดเจนของลายไม้ได้ต่างกันออกไป